 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
สถิติผู้เข้าชม
|
ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
|
11
|
ผู้เข้าชมในวันนี้
|
1,314
|
ผู้เข้าชมทั้งหมด
|
5,651,762
|
|
|
|
|
9 พฤษภาคม 2568
|
อา |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ |
ศ. |
ส. |
| | | |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 |
31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ไปทะเล...กินอาหารทะเล
[18 เมษายน 2554 10:39 น.]จำนวนผู้เข้าชม 5419 คน |
|

อาหารที่มาจากท้องทะเล
ทะเลเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของโลก เราสามารถสรรหาและผลิตของที่จำเป็นในการดำเรงชีวิตได้มากมายจากสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในทะเลไม่ว่าจะเป็นอาหาร ยารักษาโรค เครื่องสำอาง พลังงาน เครื่องประดับ และของตกแต่ง เป็นต้น อาหารที่กินกันอยู่ทุกวันนี้มีหลายกลุ่มที่มาจากทะเล มาลองดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
ปลาทะเล
ปลาเป็นอาหารทะเลกลุ่มแรกที่จะกล่าวถึง เป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพดี แถมยังจัดเป็นอาหารที่ย่อยง่าย เหมาะกับเด็กและผู้สูงอายุ ว่ากันว่ามีประชากรโลกนับพันล้านคนที่บริโภคปลาเป็นแหล่งหลักของเนื้อสัตว์ เพราะในปลามีโปรตีนประมาณร้อยละ 17 - 23 นอกเหนือจากโปรตีนแล้ว ปลาทะเลยังเป็นแหล่งที่สำคัญของกรดไขมันจำพวกโอเมก้า 3 อีกด้วย ได้แก่ กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (Docosahexaenoic Acid หรือ DHA) และกรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (Eicosapentaenoic Acid หรือ EPA) โดยมีการนำมาผลิตเป็นน้ำมันปลา (Fish oil) หรือสกัดมาเป็นกรดแต่ละตัวเลย แต่ถ้าเป็นน้ำมันตับปลาจะมีวิตามินเอและดีสูง ใช้เป็นอาหารเสริมมาตั้งแต่สมัยก่อน ปลาทะเลยังเป็นแหล่งของไอโอดีนซีลีเนียมและแร่ธาตุอื่นหากเป็นปลาที่กินได้ทั้งตัว (รวมก้าง) จะให้แคลเซียมและฟอสฟอรัสด้วย
กุ้ง หอย ปู และหมึก
อาหารจากสัตว์ทะเลที่มีเปลือกหรือกระดอง หมึกจัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเพราะมีกระดองอยู่ข้างในตัว ทั้งหมดเป็นแหล่งของโปรตีนเช่นกัน รวมทั้งแร่ธาตุสำคัญที่กล่าวข้างต้น แถมยังเป็นแหล่งของธาตุสังกะสีซึ่งจำเป็นต่อผิวพรรณ กล้ามเนื้อ และการเจริญพันธุ์ (ข้อมูลไม่ยืนยันกล่าวว่าคาสซาโนวา นักรักผู้เลื่องชื่อในตำนานมักจะกินหอยนางรมถึงวันละ 50 ตัวเลยทีเดียว) ข้อจำกัดของการกินอาหารทะเลในกลุ่มนี้คือเรื่องของคอเลสเตอรอลที่พบในปริมาณมาก ยกเว้นในเนื้อปู (แต่ในมันปูมีเพียบ) ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 150 - 200 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม ถ้าเป็นหมึกจะสูงถึง 300 มิลลิกรัมเลยทีเดียว โดยนักโภชนาการแนะนำว่าในแต่ละวันไม่ควรกินอาหารให้ได้รับคอเลสเตอรอลเกิน 300 มิลลิกรัม
สาหร่ายทะเล
สาหร่ายจัดเป็นอาหารอีกกลุ่มหนึ่งในจำพวกอาหารทะเลสายพันธุ์ที่ใช้บริโภคได้มีหลากหลาย มีโปรตีน ใยอาหาร แร่ธาตุ ให้ไอโอดีนสูง และมีไขมันต่ำ นอกจากจะนำมาเป็นอาหารโดยตรงแล้ว ยังสามารถนำมาผลิตเป็นส่วนผสมที่ใช้ในอาหาร เช่น ผงวุ้น คาราจีแนน เป็นต้น ในอุตสาหกรรมอาหารมีการใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อาหาร และใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหาร ทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น เพิ่มความข้นหนืดทำให้อาหารคงตัว ลดการเกิดผลึกน้ำแข็ง เป็นต้น
อาหารทะเลกับสุขภาพ
อาหารทะเลเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีนและส่วนใหญ่จะมีไขมันไม่สูง การที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มโอเมก้า 3 มีการศึกษาถึงผลของการกินปลา (ทะเล) เป็นประจำกับการลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ อย่างเช่นในประชากรพื้นเมืองบางเผ่าที่บริโภคปลาในปริมาณมาก ปรากฎว่ามัอัตราการเกิดหัวใจวายน้อยกว่าประชากรกลุ่มอื่น จึงมีคำแนะนำให้กินปลาเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็จะเกิดผลดีต่อสุขภาพ นอกจากเรื่องของโรคหัวใจแล้ว การกินปลาทะเลชนิดที่มีโอเมก้า 3 เป็นประจำอาจช่วยบำรุงสมอง เพราะ DNA มีบทบาทในด้านการทำงานของสมอง สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการปวดบวมตามข้อ การกินอาหารทะเลเป็นประจำอาจมีส่วนช่วยลดอาการที่ว่านี้
การจะกินอาหารทะเลให้เกิดประโยชน์เต็มที่ต้องไม่ลืมเรื่องของความสดสะอาดด้วย ความสดนอกจากจะทำให้อาหารมีรสชาติดีแล้ว ยังช่วยลดโอกาสของการเกิดอาหารเป็นพิษ เพราะสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคท้องเสีย ท้องเดิน ปวดท้องหลังการกินอาหารทะเล เนื่องมาจากอาหารไม่สด การเก็บรักษาไม่ถูกต้อง (แช่เย็นหรือแช่แข็ง) จึงเกิดการเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ที่ก่อโรค นอกจากนี้การประกอบอาหารอย่างถูกสุขลักษณะก็มีความสำคัญเช่นกัน อาหารทะเลบางชนิดอาจมีพิษโดยธรรมชาติ หรืออาจเกิดพิศเนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น มลภาวะเป็นพิษ การปนเปื้อนของโลหะหนักพวกปรอทและแคดเมียม จึงต้องรู้เท่าทันสิ่งที่เราจะนำมากิน บางคนอาจแพ้อาหารทะเลจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ที่มา : นิตยสารแม่บ้าน ฉบับเดือนเมษายน 2554 |
|
|
|