สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 7
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 58
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 5,205,425
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
26 เมษายน 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
 
10  11  12  13 
14  15  16  17  18  19  20 
21  22  23  24  25  26  27 
28  29  30         
             
 
"มะเร็งรังไข่" ภัยร้ายย่องเงียบ
[13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]จำนวนผู้เข้าชม 6874 คน
 
     
     การเป็นผู้หญิงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อันตรายรอบด้าน มิหนำซ้ำโรคภัยยังแอบซุ่มโจมตีไม่ให้ซุ่มให้เสียง โดยเฉพาะมะเร็งในสตรี ไหนจะมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งรังไข่ เนื้อร้ายก้อนสุดท้ายนี้อาจพบเจอไม่บ่อย รั้งท้ายมะเร็งของผู้หญิง แต่กลับกลายเป็นว่า พอตรวจเจอปุ๊บกลับเจอในระยะสุดท้าย บางรายเกินเยียวยา ได้แต่ทำใจ
     "มะเร็งรังไข่เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 5 ของมะเร็งที่พบในสตรี สาเหตุหลักมากจากกรรมพันธุ์"
     รศ.นพ.สุวิทย์ บุณยะเวชชีวิน ภาควิชาสูติศาสตร์ - นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายแพทย์ประจำโรงพยาบาลบีเอ็นเอช ให้ข้อมูลว่า
     "รังไข่นอกจากสร้างไข่แล้ว ยังผลิตฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อว่า Estrogen และ Profesterone รังไข่ มีหน้าที่ผลิตไข่เพื่อผสมพันธุ์กับอสุจิของผู้ชาย และสร้างฮอร์โมนเพศหญิง
     การตกไข่ หมายถึง การเกิดแผลที่รังไข่ (ดังนั้น จึงควรกินขมิ้นชันวันละ 3 - 5 แคปซูลทุกวัน) และโดยปกติจะมีการกระตุ้นให้เกิดแผลทุกเดือน เซลล์จากแผลพวกนั้นอาจจะมีการแบ่งตัวกลายเป็นมะเร็งได้
     กรรมพันธุ์เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเป็นมะเร็งรังไข่ แม้แต่การโดยแป้งบริเวณน้องหนูยังเป็นอีกสาเหตุเช่นกัน
     "เราพบประวัติผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ส่วนใหญ่ ญาติพี่น้อง พ่อแม่ ครอบครัวของผู้ป่วยเป็นมะเร็ง ดังนั้น สาเหตุหลักคาดว่า มาจากกรรมพันธุ์ ส่วนสาเหตุอื่นเราไม่ทราบอย่างแน่ชัด บางคนสันนิษฐานว่า การโรยแป้งบริเวณอวัยวะเพศทำให้แป้งเข้าสู่ช่องคลอดแล้วซึมเข้าไปกระตุ้นรังไข่
     นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น การที่เราให้ฮอร์โมนไปกระตุ้นให้ไข่ตก เช่น การกระตุ้นการมีบุตรนั่นเอง"
     คุณหมอส่ายหน้าเมื่อถามถึงการป้องกัน
     "สาเหตุการเกิดของมะเร็งรังไข่นั้น ไม่ทราบสาเหตุอย่างชัดเจนซึ่งต่างจากมะเร็งปากมดลูก ดังนั้นการป้องกันจึงทำได้ยากมาก"
     วิธีที่ดีที่สุด คือ การไปตรวจภายในสม่ำเสมอ ปีละครั้ง หากเจอจะได้รีบรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ คุณหมอบอก
     "หากพบวาสเป็นมะเร็งรังไข่ในระยะแรกจะใช้วิธีผ่าตัด หากเป็นระยะท้าย ๆ มะเร็งลุกลามแล้ว เราจำเป็นต้องใช้เคมีบำบัด ร่วมด้วยการฉายแสง"
     "ปัจจุบันมะเร็งรังไข่พบว่าผู้หญิงเป็นกันมาก และเปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นสูงมาก เนื่องจากคนไข้จะมารักษาอาการในระยะสุดท้ายนั่นเอง" คุณหมอให้สังเกตสัญญาณอันตรายมะเร็งมาเยี่ยมเยือนรังไข่
     "หากพบว่าเกิดอาการแน่นท้อง อึดอัดท้อง บางรายสงสัยว่ามีก๊าซในท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย มีอาการเบื่ออาหาร รู้สึกแน่นท้องหลังจากรับประทานอาหาร น้ำหนักขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ และเลือดออกทางช่องคลอด
     หากผู้ป่วยมีอาการเบื่ออาหาร สุขภาพทรุดโทรม น้ำหนักตัวลด อาการเหล่านี้ถือเป็นอาการของมะเร็งรังไข่ระยะสุดท้ายแล้ว นอกจากนี้ ยังมีอาการหายใจไม่สะดวกร่วมด้วย เพราะมะเร็งได้กระจายไปทั่วตัว
     ในบางรายมะเร็งมีการโตเร็วมา เนื้อร้ายก้อนนั้นก็อาจจะแตกในท้องส่งผลให้เกิดการตกเลือดในท้อง และเสียชีวิตในที่สุด"
     คุณหมอเชื้อเชิญคุณผู้หญิงมาตรวจภายในทุกปีเพื่อป้องกันมะเร็งรังไข่
     "วิธีการป้องกัน และตรวจสอบคือ ต้องเข้ามาตรวจภายในเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ จะมีการตรวจเช็คด้วยวิธีเอน เช่น การอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ทางหน้าท้องช่วย หรือเจาะเลือดโดยการใช้สารเคมมีบางชนิดจะช่วยบอกได้ว่าเป็นมะเร็งรังไข่หรือไม่"
     อุปสรรคการตรวจมะเร็งรังไข่ คือ จะหาเนื้อร้าย "เจอ หรือ ไม่" เพราะอยู่ในช่องท้องตรวจลำบาก
     "การตรวจมะเร็งปากมดลูกตรวจง่ายมาก เพราะคลำ และเห็นได้ง่าย โอกาสพบสูงกว่ามะเร็งรังไข่ ขณะที่การตรวจมะเร็งรังไข่ต้องตรวจในช่องท้อง การตรวจจะยากกว่ามะเร็งปากมดลูก กว่าจะตรวจอัลตราซาวด์ คัดกรอง เราจะไม่มีการคัดกรองเท่ากับมะเร็งปากมดลูก"
     ผู้ป่วยส่วนใหญ่ชะล่าใจรอให้เกิดอาการจึงมาตรวจ ซึ่งมันช้าไปเสียแล้ว 
     "รังไข่อยู่ในท้องหากเอาเซลล์มาตรวจค่อนข้างลำบาก เราจะได้เห็นแค่เวลาอัลตราซาวด์ ซึ่งการตรวจนั้นจะค่อนข้างดูยาก ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นมะเร็ง อีกอย่างจะเอาผู้หญิงมาคัดกรองทุกคนคงจะลำบาก พอมีอาการรุนแรงเลือดออกถึงได้มาตรวจ ซึ่งก็ช้าไปเสียแล้วไม่ทันการณ์"

***เกร็ดฯ ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่***
     -  จากผลการวิจัยการรับประทานยาคุมกำเนิดโดยเฉพาะผู้ที่รับประทายยาคุมมาเป็นเวลานานช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง
     -  การทำหมันหลังคลอดหรือการตัดมดลูกจะลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งรังไข่
     -  การตั้งครรภ์ในขณะที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเองเป็นเวลานานลดความเสี่ยงเช่นกัน 
     -  การรับประทานอาหารมันจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่ จากการศึกษาของสมาคมโรคหัวใจ พบว่า คนอ้วนจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งรังไข่มากกว่าคนผอมร้อยละ 50
     -  การผ่าตัดเอารังไข่ออกเพื่อป้องกันมะเร็งนั้น จะกระทำในผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อมะเร็งรังไข่ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 

      

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]
สาระความรู้ทั่วไปสำหรับเจ้าของน้องตูบ
- อาหารแสลง ที่ควรเลี่ยงเมื่อป่วย [13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]
- พืชขาดธาตุอาหารอะไร ?..ใส่ใจสักนิด... [13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]
- ปวดท้อง...ลางบอกโรคร้ายของคุณ [13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]
- การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยง จากโรคมะเร็ง [13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]
- ซอสปรุงรส [13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]
- รู้จักไหม?...“ต้นผึ้ง” มีหนึ่งเดียวที่ราชบุรี [13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]
- เลือดจระเข้ [13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]
- การทำน้ำด่าง (อัลคาไลน์) สำหรับดื่มอย่างง่าย [13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]
- กิน ‘สมอ’ ดีเสมอ [13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]
- ปัสสาวะหลวงพ่อ [13 ตุลาคม 2553 15:11 น.]
ดูทั้งหมด

  แสดงความคิดเห็น

ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ ตัวขีดกลาง ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา รูปภาพ ลิ้งก์ ขนาดต้วอักษร สีต้วอักษร

ชื่อ: *
E-mail : *
ไม่ต้องการแสดง Email
รหัสตรวจสอบ : Security Image
* กรุณากรอกรหัสที่อยู่ในรูป

Copyright@2010 by www.nongtoob.com All right reserved.
Engine by MAKEWEBEASY