สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 4
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 881
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 5,195,205
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
16 เมษายน 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
 
10  11  12  13 
14  15  16  17  18  19  20 
21  22  23  24  25  26  27 
28  29  30         
             
 
ชีวิตมีค่า...ไยฆ่าชีวิต (1)
[26 มกราคม 2554 10:33 น.]จำนวนผู้เข้าชม 6413 คน
    
     ชีวิตมีเกิดและมีตายเป็นธรรมดา เกิดกับตายจึงเป็นของคู่กันเสมอ ไม่มียกเว้น วิธีจัดการกับชีวิตของมนุษย์แตกต่างกัน เพราะความคิดที่ต่างมุม บางคนมักจัดการกับความทุกข์ของชีวิตด้วยวิธีง่าย ๆ คือ เอาความตายมาเป็นหลักเพราะมองเห็นว่า เมื่อชีวิตเป็นทุกข์ก็ควรเอาความตายมาละลายชีวิต บางคนคิดว่าเมื่อละลายชีวิตได้ความทุกข์น่าจะหมดไป จึงตัดสินใจตายดีกว่า
     เพราะมองเห็นว่าชีวิตตนไร้คุณค่า ไม่มีความหมายอะไรอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์กับใคร ไม่มีเราก็คงจะไม่ต้องเป็นภาระของใคร บางคนจึงตัดสินใจว่าตายดีกว่า เพราะต้องการประชดชีวิต ประชดคนรักที่ไม่รักตน ไม่ยอมตามงอนง้อ ไม่สนองความรู้สึกของใจเราในหลาย ๆ เรื่อง คิดว่าความตายอาจจะทำให้เขาเห็นใจบ้าง บางคนจึงประชดรักด้วยวิธีตายดีกว่า
     เพราะคิดว่า ความทุกข์หรือปัญหาทั้งหลายนั้นเกิดจากตน ถ้าไม่มีตนก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ กับใคร คิดว่าตนคือต้นเหตุแห่งปัญหา เมื่อตนไม่มีปัญหาก็หมด เมื่อมองชีวิตเป็นอัตตาตัวตน วิธีทำลายอัตตาตัวตนของคนบางพวกจึงมุ่งทำลายชีวิตตนให้หมดไป ขณะที่พระพุทธเจ้าทรงมองทิฐิมานะความเห็นผิด ความยึดมั่นถือมั่น ไม่ปล่อยวาง คือการสร้างอัตตาให้ใหญ่ขึ้นด้วยอำนาจโลภะ โทสะ โมหะ กิเลส ทั้ง 3 ตัวนี้เองเป็นตัวตนที่แท้จริงของชีวิต เพราะทำให้ชีวิตมืดบอด หาทางออกไม่พบ แต่คนพวกหนึ่งกลับมองเห็นตัวตนทางสรีระเป็นตัวตนที่ก่อทุกข์ จึงหาทางกำจัดทุกข์ด้วยการปลดชีวิตของตนเสีย ด้วยมั่นใจว่าตายดีกว่า
     เพราะคิดว่าความตายง่ายนิดเดียว กลัวทำไมกับชีวิตหลังการตาย แปลว่าแม้เบื้องหลังก็ไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะเป็นอย่างไร เราตายได้ก็ถือว่าตนเองหมดห่วง ส่วนคนข้างหลังจะคิดอย่างไร มีปัญหาอะไรตามมาก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนอื่นไป ส่วนเราถือว่าหมดภาระต่อชีวิตแล้วจึงตัดสินใจตายดีกว่า
     เพราะคิดว่าชีวิตข้างหน้าหลังการตาย ตนเองไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับใครต่อไป คิดแต่เพียงว่าเราคนเดียวเท่านั้นที่มาเกิด เราคนเดียวเท่านั้นที่ตายไป คนอื่นไม่เกี่ยวข้องกับเรา พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องเป็นเพียงส่วนประกอบ จึงยินดีเผชิญสุขทุกข์ตามลำพังทั้งชีวิตก่อนตายและชีวิตหลังตาย เพราะคนประเภทนี้ไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งธรรมชาติ ไม่เชื่อว่าชีวิตมีการเวียนว่ายตายเกิด ไม่เชื่อเรื่องภพชาติ คิดแต่เพียงว่าตายคือจบ ทุกอย่างจบลงตรงคำว่าตาย จึงคิดว่าตายดีกว่า
     เมื่อคิดว่าโลกหน้าไม่มี ชาติหน้าไม่มี ตายแล้วก็ดับสูญ ไม่เห็นจะต้องไปเผชิญสุขทุกข์อะไรอีกเช่นนี้จึงทำให้ตัดสินใจผิด เมื่อชีวิตทุกข์มากเข้า ปลิดชีวิตเสียก็สิ้นเรื่องเพราะเขาคิดว่าการปลิดชีวิตตัวเองเป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนตรงไหน ก็ชีวิตของเราแท้ ๆ จะผิดตรงไหน เรารับผิดชอบชีวิตเรา เรามีสิทธิทื่จะทำอะไรก็ได้ เพราะสังขารร่างกายทั้งหลายเป็นสมบัติของเราคนเดียว แต่คนเหล่านี้หาคิดไม่ว่านั่นเป็นเพียงเหตุผลที่พยายามจะอธิบายเข้าข้างตนเองเท่านั้น มิใช่เหตุผลที่แท้ ที่อยู่ในจิตใจของเขาจริง ๆ เขาจึงคิดว่าตายดีกว่า
     แต่ในความเป็นจริงชีวิตเราไม่ใช่ของเราคนเดียว แม้ร่างกายเราก็ยังมิใช่สมบัติของเราทีเดียวนัก หากแต่เป็นสิ่งผสมผสานขึ้นมาระหว่างคน 2 คน คือพ่อกับแม่ ผู้ซึ่งให้กำเนิดทั้งที่เกิดจากความรัก ความทะนุถนอม ความห่วงใยจากดวงใจของพ่อกับแม่จริง ๆ หรือบางกรณีอาจมีบ้างที่ไม่ได้เกิดเพราะความรัก แต่เป็นความบังเอิญ เป็นความจำยอมเป็นเหตุเกินวิสัย เช่น ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดดังที่มีให้เห็นมามากมายในสังคม กลายเป็นชีวิตที่ไม่ได้ถูกลิขิตด้วยความรัก เด็กที่เกิดมาจึงแล้งรัก เป็นชีวิตที่แห้งผากกับคำว่าความรัก ความอบอุ่น แต่ก็พึงให้รำลึกเสมอว่าแม้เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกสร้างชีวิตได้
     อย่างไรก็ตามตัวชีวิตของเราถือว่าเป็นสัมพันธ์อย่างแนบสนิทระหว่างกรรมเก่าและกรรมใหม่ จากใจดวงหนึ่งสู่เลือดอีกก้อนหนึ่ง เป็นความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งแวดล้อมในอดีตและปัจจุบัน ทุกอย่างล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคนรอบข้าง และสิ่งรอบกายทั้งสิ้น เขาอาจจะลืมนึกไปว่าเขาเกิดมาคนเดียวก็จริง แต่มิได้มีชีวิตอยู่คนเดียว คนที่เฝ้าแต่คิดว่าในโลกนี้มีเพียงแต่ตนคนเดียวเชื่อว่าได้เริ่มทำร้ายตนเอง จนกระทั่งก้าวเดืนเข้าหาการทำลายชีวิต
     บางคนอาจคิดมากไปว่า ถึงเขามีชีวิตอยู่ก็ไม่เห็นจะมีใครใส่ใจดูแล ไม่เห็นมีใครมองเห็นคุณค่า มีแต่ทำให้เกิดความชอกช้ำน้ำใจ ก่อแต่เรื่องขัดเคืองจิตใจตลอดเวลา คนเช่นนี้มองเห็นชีวิตด้านเดียว เห็นชีวิตเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายไม่รื่นรมย์เหมือนคนอื่น จึงต้องการหนีชีวิตด้วยความตาย แล้วก็คิดหาวิธีต่าง ๆ เพื่อจากไป เพราะมั่นใจว่าตายดีกว่าอยู่
     เวลานี้ ความรู้สึกของคนในสังคมเรื่องตายดีกว่ามีชีวิตอยู่เริ่มมีมากขึ้นในปัจจุบัน การตัดสินใจตายจะง่ายกว่าการตัดสินใจอยู่ มีปัญหานิดหน่อยก็ฆ่าตัวตาย สอบไล่ได้คะแนนไม่ดีก็ทำลายชีวิต พ่อแม่ดุก็ทำลายชีวิต ผิดหวังจากคนรักก็ทำลายชีวิต บางคนทำลายทั้งตนเองและคนอื่น กลายเป็นคนทนอะไรไม่ได้ จะหาทางตายท่าเดียว
     น่าคิดที่คนทุกวันนี้ มองไม่เห็นว่าอะไรสำคัญหรือไม่สำคัญจนกระทั่งกล้าท้าทายกับชีวิตในทางผิด ๆ เอาความตายมาแลกกับชีวิต ความกล้ากับการไม่กลัวตายเป็นคนละอย่าง และการไม่กลัวตายก็ไม่ได้หมายความว่าให้ทำลายชีวิตหนีปัญหา
     ความกล้าเผชิญชีวิตเป็นสิ่งที่ดี แต่หมายถึงการเผชิญฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิต มิใช่หนีชีวิต การปลิดชีวิตทิ้งมิใช่เป็นความกล้าหาญ หากแต่เป็นความขลาดเขลาเบาปัญญา เบาสติมากกว่านักรบกล้ากลางสมรภูมินั้น คือผู้ยืนหยัดต่อสู้ข้าศึกศัตรูจนตนสิ้นชีวิต มิใช่หนีข้าศึกศัตรูด้วยการปลิดชีพตัวเองก่อนที่ศัตรูจะมาถึง
     ความกล้าต้องมี แต่ต้องกล้าต่อสู้ สู้กับความรู้สึกของใจด้วยการสร้างกำลังใจไม่กลัวอุปสรรคปัญหา มองปัญหาเป็นพลังชีวิต เสมือนคลื่นทะเลที่ส่งเรือให้ถึงฝั่ง ไม่มองปัญหาเป็นสิ่งเลวร้ายที่จะต้องหลบซ่อนนอนเศร้าอยู่เดียวดาย

ที่มา : หนังสือ "ชีวิตมีค่า...ไยฆ่าชีวิต" โดย ปิยโสภณ

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]
สาระความรู้ทั่วไปสำหรับเจ้าของน้องตูบ
- อาหารแสลง ที่ควรเลี่ยงเมื่อป่วย [26 มกราคม 2554 10:33 น.]
- พืชขาดธาตุอาหารอะไร ?..ใส่ใจสักนิด... [26 มกราคม 2554 10:33 น.]
- ปวดท้อง...ลางบอกโรคร้ายของคุณ [26 มกราคม 2554 10:33 น.]
- การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยง จากโรคมะเร็ง [26 มกราคม 2554 10:33 น.]
- ซอสปรุงรส [26 มกราคม 2554 10:33 น.]
- รู้จักไหม?...“ต้นผึ้ง” มีหนึ่งเดียวที่ราชบุรี [26 มกราคม 2554 10:33 น.]
- เลือดจระเข้ [26 มกราคม 2554 10:33 น.]
- การทำน้ำด่าง (อัลคาไลน์) สำหรับดื่มอย่างง่าย [26 มกราคม 2554 10:33 น.]
- กิน ‘สมอ’ ดีเสมอ [26 มกราคม 2554 10:33 น.]
- ปัสสาวะหลวงพ่อ [26 มกราคม 2554 10:33 น.]
ดูทั้งหมด

Copyright@2010 by www.nongtoob.com All right reserved.
Engine by MAKEWEBEASY