สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 3
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 181
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 5,197,425
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
19 เมษายน 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
 
10  11  12  13 
14  15  16  17  18  19  20 
21  22  23  24  25  26  27 
28  29  30         
             
 
หมอฟันสาวต่างวัย แนะนำวิธีป้องกันฟันผุ แก้ปัญหากลิ่นปาก...
[17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]จำนวนผู้เข้าชม 10870 คน
 

   อี๋...หน้าตาก็ดี้ดี แต่ไหงยิ้มทีเห็นฟันผุ  แมงแทะทะลุเป็นรูดำพรุน และเป็นบ่อเกิดของกลิ่นปากเหม็น  นอกจากอาการฟันผุจะเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นปากเหม็นขยะแล้ว  ยังทำให้คนรอบข้างไม่อยากเข้าใกล้เกินครึ่งเมตร  คนใกล้ตัว  เพื่อนฝู  ถึงกับต้องกลั้นหายใจ  อุดจมูกหรือกลั้นหายใจเวลาร่วมวงสนทนา  แหมมันช่างน่าอาย  เสียเซลพ์เป็นที่ซู้ดดด  แถมโรคฟันผุยังชักพาไปสู่เส้นทางความเสียว(ฟัน)  เจ็บปวด  ทรมาน  เหงือกอักเสบ  เหงือกร่นบวมเป่ง  แต่หากเพิกเฉย ชิวๆ ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน  อาจลามลึกสู่โพรงประสาทฟันจนถึงขั้น "จั่งซี่ มันต้องถอน"  

   ก่อนอื่นต้องขออธิบายถึงที่มาของโรคฟันผุก่อนค่ะว่า  เป็นโรคท็อปฮิตของคนไข้ที่มาพบทันตแพทย์เลยทีเดียว  โรคฟันผุเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อโรค คือ แบคทีเรียที่ชื่อ Streptococcus mutans  ติดต่อได้ทางน้ำลาย  โดยโรคฟันผุนี้เกิดจากการที่แบคทีเรียที่ย่อยสลายอาหารประเภทน้ำตาลทำให้เกิดกรดแลคติก(Lactic) ที่มีฤทธิ์ในการสลายแร่ธาตุเคลือบฟัน

   หรือสมการง่ายๆต่อความเข้าใจ อาหารที่ติดอยู่กับฟัน + แบคทีเรียในช่องปาก เท่ากับ ฟันผุ  

   บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด ร่วมปลุกกระแสคนไทยรักสุขภาพฟันด้วยการจัดกิจกรรม "Xylitol - The Secret to A Healthy Smile" โดยเชิญ รศ.ดร.ทพญ.สร้อยสิริ  ทวีบูรณ์  ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมและสารไซลิทอล และ ทพญ.พอลลีน (เต็ง) ล่ำซำ หรือ คุณหมอ พี หมอฟันคนสวย  ที่นอกจากจะคว้าปริญญาตรีด้านทันตกรรมจากมหาวิทยาลัยมหิดลแล้ว  เธอยังมุมานะร่ำเรียนศึกษาต่อปริญญาโทเกี่ยวกับทันตกรรมเพื่อความสวยงาม  นอกจากนี้ ยังควบงานพิธีกรรายการ "อโรคา  ปาร์ตี้" ที่เราเห็นประจำหน้าจอทีวีทุกสับดาห์อีกด้วย  

   ทั้งนี้  ภายในงาน  ทพญ. สร้อยสิริ  และ คุณหมอพอลลีน  ยังร่วมบอกเล่าถ่ายทอดประสบการณ์ และให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันโรคฟันผุที่ถูกที่ควรว่ามีวิธีการและหลีกเลี่ยงอย่างไร  

   งั้นเพื่อลดปัญหาฟันผุ  กลิ่นปากเหม็น  เราจึงขอเก็บตกสาระดีๆจากงานนี้มาฝากกันค่ะ  

   คุณหมอสร้อยสิริ เผยว่า สถานการณ์ฟันผุของคนไทยกำลังน่าห่วง  ตกตะลึง พบเด็กน้อยกำลังโตฟันผุอื้อซ่า  ไม่เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่วัยสามสิบต้นๆกว่าร้อยละ 80 ที่นอกจากยังแจ๋วแล้ว...ปากและฟันยังเน่าอีกด้วย  

   "จากการสำรวจคุณภาพช่องปากของคนไทยปี 2550 เริ่มตั้งแต่เด็กเลย  พบว่า เด็ก 3 ขวบในเมืองไทยร้อยละ 66 ฟันผุแล้ว  คือฟันน้ำนมโผล่ขึ้นมาไม่นานก็เริ่มผุ  จากนั้นพอเริ่มโตขึ้นมา 5-6 ขวบ ยิ่งหนักกว่าเดิม  พบว่า 82% ฟันเด็กวัยนี้ผุเยอะมาก  ซึ่งนับว่ารุนแรงมากสำหรับบ้านเรา"  

   อย่าเพิ่งซีเรียสค่ะ  เมื่อย่างเข้าสู่วัยหนุ่มสาวสถิติฟันผุจะลดฮวบฮาบ  และกราฟฟันผุจะพุ่งปรี๊ดอีกทีเมื่อวัยก้าวขึ้นเลข 3  

   "พอโตขึ้นมาหน่อยอายุประมาณ 15 ปี เริ่มเป็นวัยรุ่น  จำนวนคนที่เป็นโรคฟันผุลดลง  เพราะวัยนี้จะเริ่มมีการใส่ใจไปพบหมอฟัน หรือเพื่อดัดฟัน จึงทำให้ใกล้ชิดหมอเพิ่มขึ้น  รวมถึงมีความรู้ในการแปรงฟัน และกินอาหาร ส่วนพ่อ-แม่ ก็คอยกระตุ้นเตือนให้รักษาความสะอาดกำชับเตือนมากขึ้น  
   แต่ที่น่าตกใจมากกว่านั้น  สำหรับวัยผู้ใหญ่ทำงานอายุ 30 กว่าปีนิดๆ หรือร้อยละ 86 มีปัญหาฟันผุแทบทั้งนั้น  รวมทั้งปัหาโรคเหงือกร่น  ฟันโยก  เฉลี่ยแล้วสูญเสียฟัน 4 ซี่/คน  
   จวบจนอย่างเข้าสู่วัยชรา  อายุ 60 ปีขึ้นไป 90% พบว่ามีการสูญเสียฟัน  บางรายเกือบหมดปาก  หากเฉลี่ยแล้วประมาณ 14 ซี่/คน"  

   มันฝรั่งทอดกรุบกรอบเคี้ยวมันส์  ทำฟันผุง่ายกว่าช็อคโกแลต  

  คุณหมอสร้อยสิริ แย้มว่า  การทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตทำให้เป็นกรด  เท่ากับว่า กรดจะค่อยๆกัดฟันให้เป็นรูจนฟันผุนั่นเอง  

   "แน่นอน การทานขนมหวานช่วยทำให้ฟันผุอยู่แล้ว  แต่การทานพวกคาร์โบไฮเดรต  แป้ง  ทำให้ฟันผุเช่นกัน  เพราะจะสามารถทำให้เกิดกรด  เปรียบเที่ยบง่ายๆ ฟันเรามีสภาพคล้ายหิน  มีสารประกอบพวกแคลเซี่ยม  กรดจะกัดฟันให้เป็นรูทีละเล็กละน้อย จนเป็นโรคฟันผุในที่สุด  

   คนไทยเราจะค่อนข้างมีปัญหา  ดูแลสุขภาพในช่องปากกันน้อย  ถ้าเทียบกับส่วนอื่นในร่างกาย  คิดกันว่าเป็นปัญหาเล็กน้อย  แค่ปวดฟันนิดหน่อย  ทนได้  แต่พอปวดจนทนไม่ไหวถึงจะไปพบหมอ"    

   คุณหมอพอลลีน เสริมว่า  อย่าเข้าใจผิดคิดว่า  อาหารที่ไม่มีน้ำตาลจะลดฟันผุ  ในทางกลับกัน  การทานแป้งหรือมันฝรั่ง  ถึงไม่มีน้ำตาล  ก็เสี่ยงเป็นโรคฟันผุง่ายกว่าขนมหวานซะอีก  

    "สมัยก่อนผู้ใหญ่มักบอกเด็กๆว่า ห้ามทานลูกอม  ท็อฟฟี่  ช็อคโกแล็ต  หรือพวกของหวานๆ  ห้ามทานเด็ดขาด หากไม่อยากฟันผุ  แต่จริงๆในแง่ของโรคฟันผุ  แม้แต่แป้งที่เรารับประทานก็ทำให้ฟันผุได้เช่นกัน  

   ทั้งนี้  ยังมีงานวิจัยด้วยว่า  แม้แต่มันฝรั่งทอด ถึงไม่มีน้ำตาล แต่ก็เป็นบ่อเกิดทำให้เกิดฟันผุได้เช่นกัน  ถ้าเทียบกับช็อคโกแล็ต อาจทำให้ฟันผุได้ง่ายกว่าอีกด้วย  เพราะบางทีบางคนเคี้ยวมันฝรั่งทอด ของขบเคี้ยวเพลิน  คิดไปเองว่าเค็มๆ กรอบๆ ไม่มีน้ำตาล คงไม่ทำให้ฟันผุ  แต่ที่ไหนได้...ตัวดีเลยค่ะ"  

   คุณหมอพอลลีน เล่าให้ฟังพร้อมรอยยิ้มพิฆาตว่า คนไทยมักมีนิสัยวัวหายแล้วล้อมคอก  หากฟันผุยังไม่หมดปากหรือปวดเจ็บจนทนไม่ไหว ไม่มีทางมาพบหมอหรอก  ส่วนสาวๆเห็นฟันหน้ายิ้มสวยๆแบบนี้  ที่ไหนได้ ถัดจากฟันหน้าไป ฟันผุรูโหว่ดำปิ๊ดปี๋เชียว...แถมบางทียังกลิ่นปากเหม็นอีกต่างหาก  

   "คนไข้ที่พอลลีนเจอ  ฟันผุเยอะมากค่ะ เพราะบ้านเราเมืองไทยพื้นฐานคือ กลัวหมอฟัน มีปัญหาไม่กล้าพบหมอฟันถึงรู้ว่าตนเองฟันผุก็ตาม  จนปล่อยเวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งมีอาการเจ็บปวดรวดร้าวแล้วทนไม่ไหว จึงจะมาหาหมอได้  

   ปัจจุบันนี้ คนไข้ที่มาพบหมอก็เรื่องความสวยงามทั้งนั้นเลยค่ะ อย่างเช่น ผู้หญิงบางคน ฟันข้างหลังผุไม่เป็นไร  แต่ขอด้านหน้าสวยไว้ก่อน  ขอสวยถ่ายรูปให้เห็นฟันข้างหน้ายิ้มสวยก็พอ มีกลิ่นปากหรือปากเหม็นจากฟันผุหรือไม่ก็ไม่สนใจ  ฟันหลังผุไม่เป็นไรฉันยังอยู่ได้  แต่พอไม่มีฟันหลังให้เคี้ยวก็มาเคี้ยวฟันหน้า  ทำให้ฟันหน้าผุ สึกหรอไปเรื่อยๆ กระทั่งฟันหน้าผุสึกก็จึงมาหาคุณหมอ  

   และเมื่อมาถึงมือคุณหมอแล้ว  เราก็ต้องทำให้ฟันข้างหลังเขาหายผุไปด้วย ไม่ใช่ทำให้ฟันข้างหน้าหายผุอย่างเดียวค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นปัญหาก็จะกลับมาอีกค่ะ"
  
   ฝึกใช้ไหมขัดฟันให้ชิน  แมงกินฟันสุดทนเก็บกระเป๋าขอบาย  

   คุณหมอพอลลีน กำชับว่า นอกจากต้องแปรงฟัน(เบาๆ)ทุกครั้งหลังอาหารแล้ว  ไหมขัดฟันต้องฝึกใช้ให้ชิน  พิชิตโรคฟันผุได้สบายๆ ปิดประตูตายสำหรับแบคทีเรียกินฟันไม่มีวันเซย์ฮัลโหลสายตรงถึงฟันเราชัวร์  

   "ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้ว แต่หากเป็นไปได้ หลังมื้อเที่ยงด้วยจะดีมากเลยค่ะ และตามด้วยไหมขัดฟัน ซึ่งสำคัญมากเลย เพราะหลายคนละเลย  ไม่รู้จัก  หรือรู้จัก  แต่ใช้ไม่เป็น  ใช้ผิดวิธี  
   ดังนั้น พ่อ-แม่ต้องสอนตั้งแต่เด็กเลยว่าให้ใช้ไหมขัดฟันอย่างไร  ฝึกให้เป็นนิสัย  เพราะเวลาแปรงฟัน  ขนแปรงไม่สามารถเข้าไปถึงซอกฟันได้อยู่แล้ว  ไหมขัดฟันจึงซอกซอน  ชอนไชตามซอกฟันได้ดีที่สุด"  

   คุณหมอพอลลีน ฝากทิ้งท้ายว่า หากแปรงฟันแล้วโรคฟันผุยังโผล่ให้เห็นคาตาอยู่  คงต้องเปลี่ยนวิธีแปรงฟัน และกินอาหารอีกหล่ะ  

  
"วิธีป้องกันโรคฟันผุง่ายๆคือ แปรงฟันวันละ 2 หน  แต่หากยังไม่สามารถป้องกันได้  เราคงต้องตระหนักถึงการแปรงฟันให้ถูกวิธี  และมีความรู้ในการรับประทาน  ว่าควรรับประทานอะไรที่ทำให้ฟันไม่ผุ  หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดฟันผุ  และสิ่งสำคัญ  อยากฝากให้ทุกคนควรไปพบทันตแพทย์ปีละ 2 ครั้ง หรือทุกๆ 6 เดือนค่ะ"


    

By Lady Mannager  ผู้จัดการออนไลน์



 

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]
อึ้ง...ผู้ใหญ่วัยทำงาน 30 ต้นๆ ฟันผุ โยก คลอน เกือบ 90%

[ +zoom ]
สาวไทยห่วงหน้า ห่วงผิว ห่วงหุ่น แต่ไม่พะวงฟันผุและกลิ่นปากเหม็น...

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]

[ +zoom ]
สาระความรู้ทั่วไปสำหรับเจ้าของน้องตูบ
- อาหารแสลง ที่ควรเลี่ยงเมื่อป่วย [17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]
- พืชขาดธาตุอาหารอะไร ?..ใส่ใจสักนิด... [17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]
- ปวดท้อง...ลางบอกโรคร้ายของคุณ [17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]
- การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยง จากโรคมะเร็ง [17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]
- ซอสปรุงรส [17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]
- รู้จักไหม?...“ต้นผึ้ง” มีหนึ่งเดียวที่ราชบุรี [17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]
- เลือดจระเข้ [17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]
- การทำน้ำด่าง (อัลคาไลน์) สำหรับดื่มอย่างง่าย [17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]
- กิน ‘สมอ’ ดีเสมอ [17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]
- ปัสสาวะหลวงพ่อ [17 สิงหาคม 2553 14:36 น.]
ดูทั้งหมด

Copyright@2010 by www.nongtoob.com All right reserved.
Engine by MAKEWEBEASY